สำหรับนักเรียนนักศึกษา
เวลาที่ต้องการพึ่งศาสตร์ในการสุ่มมากที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเวลาที่ต้องเดา ข้อสอบ
น่าเสียดายที่ในสมัยนี้วิชาเดาข้อสอบดูจะได้รับความสมใจมากกว่าวิชาเรียน เสียอีก
ทั้งที่ความจริงวิชาเดาจะหมดประโยชน์ทันที่สอบเสร็จ แต่วิชาการจะยังมีประโยชน์ใช้ได้อีกตลอดชีวิต
ผมเองไม่มีวิชาเดาข้อสอบจะมาบอก แต่เนื่องจากการเดาเป็นรูปแบบหนึ่งของการสุ่ม ผมจึงขอนำเสนอข้อเท็จจริงที่น่าสนใจให้ได้ทราบกัน
เวลาทำข้อสอบไม่ทัน คนธรรมดาส่วนใหญ่หลักๆแล้วจะมีวิธีเดาข้อสอบอยู่สามวิธี
วิธีแรกก็คือกาชอยซ์เดียวกันไปให้หมด วิธีนี้จะดูปลอดภัยในแง่ที่ว่า “ได้คะแนนชัวร์”
แต่ข้อเสียก็คือ โอกาสที่จะได้คะแนนสูงๆ (เช่น ผ่านด้วยคะแนน 50%) นั้นแทบจะไม่มีเลย
วิธีที่สองก็คือกาให้เป็นลวดลายสวยงาม
ด้วยวิธีนี้อย่างน้อยที่สุดกระดาษคำตอบของเราก็จะดูเป็นศิลปะมากกว่าของคนอื่น
วิธี สุดท้ายก็คือ มั่วแหลก หลับหูหลับตากาลูกเดียว
ถ้าจะมองในแง่ร้ายวิธีนี้อาจจะไม่ถูกซักข้อเลยก็ได้เพราะไม่มีอะไรรับประกัน
แต่ถ้าจะมองในแง่ดีวิธีนี้อาจจะได้คะแนนเต็มก็ได้ถ้าโชคดีสุดขีด
และต่อไปนี้คือผลคะแนนครับ
ข้อสอบมาตรฐานส่วนใหญ่ คำตอบที่ถูกจะกระจายเฉลี่ยกันอยู่ไม่มากไม่น้อยเกินไป การเดาด้วยวิธีที่หนึ่งจึงให้คะแนนเฉลี่ยออกมาอยู่ที่ 25% และจะมีช่วงคะแนนที่แคบ (ก็คือประมาณ 20-30%) การเดาแหลกด้วยวิธีที่สาม ก็ให้คะแนนเฉลี่ยออกมาอยู่ที่ 25% เหมือนกันแต่ช่วงของคะแนนจะกว้างกว่า ไม่ต้องแปลกใจนะครับที่กราฟเส้นที่สามจะไปสุดอยู่ที่ประมาณ 40-45% อันที่จริงโอกาสที่จะเดาแหลกแล้วคะแนนออกมาเกินครึ่งนั้นมีอยู่น้อยกว่าหนึ่งในล้านเสียอีก
วิธีที่สองให้คะแนนเฉลี่ยออกมาต่ำที่สุด อยู่ที่เพียง 18.84% เท่านั้น
ทั้งนี้ก็เพราะการเดาด้วยแบบที่สองขาดคุณสมบัติของความสุ่ม การเดาอย่างมีแพทเทิร์นไม่ได้ถือเป็นการ “มั่ว” อย่างแท้จริง คะแนนจึงออกมาต่ำกว่าที่ควรจะเป็น